ที่ด้านบนสุดของเว็บไซต์นี้ ผมได้อธิบายถึงทักษะ และเครื่องมือที่ผมใช้แตกต่างกันไป ตรงส่วนนี้ผมจะขอบอกเล่าถึงเหตุผลที่ผมเลือกเส้นทางชีวิตนี้

ตลอดชีวิตของผม ผมได้ทำงานมาหลายต่อหลายงาน บางงานเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี งานอื่นๆ  เกี่ยวข้องกับคน ในแต่ละหน้าที่ของผม ผมมีความสามารถในการรับฟัง และความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นที่นำพาให้ผมช่วยผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวหลายปีต่อมา เพื่อนร่วมงานเก่าของผมบอกกับผมว่า “ถ้าชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไป และผมได้เติมเต็มในสิ่งที่ผมทำ ผมต้องขอขอบคุณคำถามของคุณ และบทสนทนาที่เราได้พูดคุยกัน”

ผมได้อาศัยอยู่ในสามทวีป เดินทางท่องเที่ยวไปหลาย ๆ ประเทศ ทำให้ได้เผชิญกับสิ่งที่พิเศษ ได้พบกับความรวย ความจน วัฒนธรรม และศาสนา ไม่ว่าจะภาษา และสีผิวของผู้คน ทำให้ผมตระหนักถึงสิ่งที่มนุษย์มีเหมือนกัน ก็คือ: ความเป็นมนุษย์ ที่มีอยู่ในเอเชีย ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาเราทุกคนล้วนแต่มีปัญหาเหมือนกัน และอุปสรรคในการเอาชนะปัญหา

ผมได้ผ่านสิ่งต่างๆ  มากมายในชีวิตของผม ผมได้เอาชนะสิ่งต่างๆ  และมันได้แสดงให้ผมเห็นว่า ผมสามารถช่วยผู้คนที่ผ่านช่วงเวลาของบททดสอบเหล่านี้ได้ ในช่วงหนึ่งของชีวิตของผม ผมรู้สึกกังวล และโกรธ หลังจากเหตุการณ์นั้นมันทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมได้พยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ผล วันหนึ่งผมเห็นรายการทีวีเกี่ยวกับการสะกดจิต ผมติดต่อนักสะกดบำบัดทันทีหลังจากได้เข้าบำบัดครั้งนั้นกับนักบำบัดคนนี้ ผมยังมองไม่เห็นความแตกต่างแค่รู้สึกว่าจิตใจสงบขึ้น สามเดือนต่อมาผู้คนรอบตัวผมบอกกับผมว่าผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมได้กลายมาเป็นคนที่อารมณ์เย็นขึ้นเย็นมากกว่าพระสงฆ์ ผมไม่มีความโกรธต่อสิ่งต่างๆ  อีกต่อไป ตั้งแต่วันนั้น ผมไม่เคยหยุดเรียนรู้ และฝึกฝนการสะกดจิต รวมทั้งเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมต่างๆ  มากมายผมได้เริ่มรักษาผู้คนที่รู้จักผมผ่านการแนะนำ หลังจากนั้นผมก็ได้สอนเทคนิคของผม ตั้งแต่นั้นผมได้เดินทางไปหลายๆ  ประเทศที่ผมทำการบำบัด และสถานที่ที่ผมช่วยผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ส่วนตัวมาดามอุ๊เองก่อนจะได้เรียนรู้การสะกดจิตบำบัด ส่วนตัวมีกิจการเป็นของตัวเอง มีบริษัทเป็นของตัวเอง และเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ช่วย Mr.Belk

และวันหนึ่งมาดามอุ๊เกือบอยู่ในภาวะซึมเศร้า(ซึ่งก่อนหน้านั้นมาดามอุ๊ยังไม่ได้รับการบำบัด เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาอะไร)

วันนั้น มาดามอุ๊อยู่ในภาวะซึมเศร้านอนไม่หลับ ได้แต่ร้องไห้คนเดียวอยู่ตลอดเวลา และ Mr.Belk ได้ใช้เทคนิค EMDR เพื่อจัดการกับอารมณ์และความรู้สึก

คืนนั้นมาดามอุ๊สามารถนอนหลับได้โดยไม่มีความรู้สึกเศร้าและร้องไห้อีกเลย และก็ได้รับการบำบัดต่ออีก 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นมาดามอุ๊เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เราแก้ปัญหาดีขึ้น เลือกและทำสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวเอง ไม่คิดเยอะไม่คิดลบแบบเมื่อก่อน มีความสุขได้กับทุกสถานการณ์ เห็นเป้าหมายและรู้สึกถึงมันอย่างชัดเจนและสิ่งต่างๆมากมายที่เรารู้สึก และคนรอบข้างรู้สึกว่าเราเปลี่ยนไป จากวันนั้นมาดามอุ๊รู้อย่างชัดเจนเลยว่า เทคนิคต่างๆเหล่านี้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้จริง

และยังมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง จึงกลายเป็นแรงผลักดันให้มาดามอุ๊ กลายเป็นนักสะกดจิตบำบัดและเรียนรู้เทคนิคต่างๆมากมายจาก Mr.Belk และ อาจารย์จากต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้คนต่อไป